ขั้นตอนง่ายๆ ในการป้องกันอาการสมองเสื่อม
อาการสมองเสื่อมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เฉพาะเจาะจง อาการและอาการแสดงทั่วไป ได้แก่ ความจำเสื่อม ความจำยาก ความยากลำบากในการสื่อสารหรือค้นหาคำศัพท์ใหม่
ภาวะสมองเสื่อมหรือความชรามักเรียกกันว่าความเจ็บป่วยทางจิตที่ไม่ได้เกิดจากอายุ ความเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ นี่เป็นโรคที่ก้าวหน้าซึ่งเกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพตามอายุในการทำงานของสมอง โรคนี้ดำเนินไปอย่างช้าๆ เมื่อเวลาผ่านไปและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนในร่างกาย เช่น การทำงานของสมองลดลง โรคอัลไซเมอร์และโรคของ Lou Gehrig เป็นภาวะสมองเสื่อมอีกสองประเภทที่มีอาการและผลกระทบคล้ายกับโรคอัลไซเมอร์
มีอาการของโรคสมองเสื่อมหลายอย่างที่คุณสังเกตเห็นเมื่อคุณอายุมากขึ้น ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดที่ผู้คนสังเกตเห็นคือการสูญเสียความทรงจำ ปัญหาการสื่อสาร ปัญหาในการคิดและปัญหาในการให้เหตุผล อาการเหล่านี้จะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป อย่างที่คุณเห็น เมื่อปัญหาเหล่านี้ชัดเจนขึ้น คุณอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมีอาการเหล่านี้ อาจดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นี้สามารถนำไปสู่การทะเลาะวิวาทหรือแม้กระทั่งการรุกราน
ภาวะสมองเสื่อมเป็นโรคที่มีความก้าวหน้าตามอายุ อาการอาจแย่ลงและอาจปรากฏขึ้นทันที การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมกะทันหันเหล่านี้มักไม่เป็นที่พอใจ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและความนับถือตนเองต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมมาระยะหนึ่ง
มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันการเริ่มมีอาการและการแสดงอาการของโรคสมองเสื่อม จำไว้ว่าไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ ดังนั้นการป้องกันจึงสำคัญกว่าการรักษา
พยายามหลีกเลี่ยงความเครียด เพราะความเครียดมากเกินไปอาจทำให้อาการของโรคสมองเสื่อมแย่ลงได้ สิ่งนี้สามารถเพิ่มสมาธิและทำให้รูปร่างหน้าตาแย่ลง พยายามผ่อนคลายและหายใจเข้าลึกๆ ทางที่ดีไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน หรือออกกำลังกาย เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่เพราะทั้งสองอย่างนี้ทำให้อาการของโรคสมองเสื่อมแย่ลง ปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากเกินไปก็ถูกพิจารณาเช่นกัน อย่าดื่มยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น ยาแก้ปวด เพราะยาเหล่านี้ช่วยเพิ่มอาการของโรคสมองเสื่อมได้
หลีกเลี่ยงคาเฟอีนมากเกินไปเพราะอาจทำให้อาการสมองเสื่อมแย่ลงได้ พยายามกินอาหารที่สมดุลและพยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานผักและผลไม้มาก เพราะมีไฟเบอร์สูง หากเป็นไปได้ ให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้จิตใจและร่างกายของคุณมีน้ำเพียงพอ คุณควรพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงเพราะอาหารเหล่านี้เผาผลาญในร่างกายได้ยากและทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและรู้สึกเหนื่อย
พยายามจำกัดปริมาณแคลอรี่ในแต่ละวัน เพราะยิ่งคุณบริโภคแคลอรี่มากเท่าไร คุณก็จะได้รับพลังงานน้อยลงเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลให้รู้สึกเฉื่อยชาและอ่อนล้า พยายามกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ย่อยง่าย อาหารที่มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และวิตามินสูงสามารถช่วยลดผลกระทบของอาการสมองเสื่อมในผู้ที่มีอยู่แล้วได้
การหยุดพักจากการทำงานในแต่ละวันเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยงอาการเหล่านี้ พยายามทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เขียนหรือวาดรูป ออกกำลังกาย หรือเพียงแค่นั่งพักผ่อน แม้แต่ใช้เวลาไม่กี่นาทีในห้องน้ำทุก ๆ ชั่วโมงหรือเพื่อให้คุณรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรทางร่างกายและจิตใจ
หากคุณพบว่าความจำของคุณเลือนลาง คุณอาจต้องไปพบแพทย์เพื่อบำบัดความรู้ความเข้าใจ การบำบัดประเภทนี้สามารถช่วยให้คุณจดจ่อกับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองได้ เช่นการจดจำเหตุการณ์ในอดีตหรือเพียงแค่จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ดี การบำบัดประเภทนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อมมีสมาธิกับปัจจุบันมากขึ้น และให้ความสำคัญกับอดีตน้อยลง
โปรดทราบว่าขั้นตอนที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นเพียงคำแนะนำที่สามารถช่วยให้มีอาการสมองเสื่อมได้ พวกเขาจะไม่ช่วยให้คุณรักษาโรคได้อย่างสมบูรณ์ แต่สามารถช่วยลดผลกระทบของอาการสมองเสื่อมได้